Custom Search

วันเสาร์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2552

Musicwoodstock Part Nirvana

เนอร์วาน่า (Nirvana)
เป็นวงที่ทำเพลงแนวกรันจ์ และอัลเทอร์เนทีฟ ร็อก เริ่มตั้งวงเมื่อปี 1987 ที่เมืองอาเบอร์ดีน รัฐวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา และยุบวงในปี 1994 เมื่อ เนอร์วาน่า ออกอัลบั้ม Nevermind ซึ่งเป็นอัลบั้มที่ 2 ในปี 1991 ทุกสิ่งทุกอย่าง ก็เปลี่ยนไป เพราะ เนอร์วาน่า ทำให้แนวเพลงพังค์ร็อก โพสท์พังค์ และอินดี้ร็อกได้รับความนิยมในตลาดหลักของอเมริกา อย่างที่ไม่เคยมีวงใดทำได้มาก่อนประวัติช่วงเริ่มแรกเคิร์ท โคเบน (ร้องนำ, กีต้าร์) พบกับคริส โนโวเซลิก (มือเบส) ในปี 1985 ที่เมืองอาเบอร์ดีน รัฐวอชิงตัน ซึ่งเป็นเมืองอุตสาหกรรมป่าไม้เมืองเล็ก ๆ ห่างจากซีแอ็ทเทิล 100 ไมล์ ภูมิหลังของ คริสราบเรียบกว่าเคิร์ท เพราะตอนอายุ 8 ปีเคิร์ทต้องเผชิญกับปัญหาจากการหย่าร้าง ของบิดามารดา หลังจากทั้งคู่หย่ากันแล้ว เคิร์ทก็ต้องเวียนไปอยู่ตามบ้านญาติ เขาชอบเพลงของเดอะ บีทเทิ้ลส์ จากนั้นก็หันมาชอบเพลง เฮฟวี่เมทัล ในที่สุดเคิร์ท ก็หลงรักเพลง ฮาร์ดคอร์พังค์ ทั้งยังได้พบกับวงThe Melvins ซึ่งเป็นวงเฮฟวี่พังค์อันเดอร์กราวด์ ต่อมา เคิร์ทก็เริ่มเล่นดนตรีให้วงพังค์อย่าง Fecal Matter โดยส่วนใหญ่จะไปกับเดล โครเวอร์ มือเบสของ The Melvinsบัซซ์ ออสบอร์น หัวหน้าวง The Melvins แนะนำให้เคิร์ท รู้จักกับคริส โนโวเซลิก ซึ่งสนใจดนตรีพังค์เช่นกัน การสนใจแนวเพลงพังค์ ทำให้ทั้งเคิร์ทกับคริสรู้สึกแปลกแยก จากคนส่วนใหญ่ในอาเบอร์ดีน ที่เป็นคนงาน ทั้งคู่จึงตัดสินใจ ตั้งวงชื่อว่า The Stiff Woodies โดยเคิร์ท เป็นมือกลอง คริสเป็นมือเบส ส่วนตำแหน่งกีต้าร์ กับร้องนำนั้น มีหลายคนสลับสับเปลี่ยนกันไป จนในที่สุดเคิร์ทก็เล่นกีต้าร์และร้องเอง หลังจากเปลี่ยนชื่อวงเป็น Skid Row วงของเคิร์ท ก็มีสมาชิกทั้งหมดเป็น 3 คน ผู้ที่มาเพิ่มคือ แอรอน เบิร์คฮาร์ท มือกลอง แต่พอถึงปี 1986 แอรอนก็ออกจากวง ผู้ที่มาแทนคือแช้ด แชนนิ่ง ต่อมาในปี 1987 Skid Row ก็เปลี่ยนชื่อเป็น เนอร์วาน่า เนอร์วาน่า เริ่มจากการเล่นดนตรี ตามงานเลี้ยง ในเมืองโอลิมเปีย จนมีแฟนเพลงกลุ่มใหญ่พอควรในปี 1987 เนอร์วาน่า ทำเดโมเทป 10 ม้วน กับโปรดิวเซอร์ แจ็ค เอ็นดิโน่ ซึ่งได้นำเทปตัวอย่างไปเสนอ โจนาธาน โพนแมน หนึ่งในผู้ก่อตั้ง บริษัทแผ่นเสียงอิสระ ในซีแอ็ทเทิล ชื่อ Sub Pop ในที่สุดเนอร์วาน่า ก็ได้เซ็นสัญญาบริษัท และเดือนธันวาคม ปี 1988 เนอร์วาน่า ก็ออกซิงเกิ้ลแรก เป็นเพลงเก่าของวง Shocking Blue ชื่อ Love Buzzค่าย Sub Pop วางแผนการตลาด โดยให้สร้างภาพให้ เนอร์วาน่า เป็นวงหลังเขาจากเมืองอุตสาหกรรมป่าไม้ ซึ่งทำให้เคิร์ท กับคริสไม่พอใจ เพลง Love Buzz ได้รับการยอมรับพอสมควร แต่ผลงานที่ทำให้ เนอร์วาน่า เป็นที่รู้จักคืออัลบั้ม Bleach ซึ่งใช้เงินในการบันทึกเสียงกว่า 600 เหรียญเท่านั้น แต่เมื่อออกขายในฤดูใบไม้ผลิ ปี 1989 Bleach ก็ค่อย ๆ ฮิตตามสถานีวิทยุมหาวิทยาลัย เนื่องจาก เนอร์วาน่า ออกทัวร์คอนเสิร์ตสม่ำเสมอ แม้ในปกอัลบั้ม Bleach จะระบุชื่อมือกีต้าร์คนที่ 2 ไว้ว่าเป็น เจสัน เอฟเวอร์แมน แต่เขาไม่ได้ร่วมบันทึกเสียงด้วยเลย เจสัน เพียงแต่ออกทัวร์คอนเสิร์ตเท่านั้น ก่อนจะออกจากวงไปในช่วงปลายปี เพื่อไปอยู่กับวง Soundgarden และ Mindfunkอัลบั้ม Bleach ขายได้ถึง 35,000 ชุด และ เนอร์วาน่า ก็ได้รับความนิยมจากสถานีวิทยุตามมหาวิทยาลัย และ นิตยสารดนตรีในอังกฤษ นอกจากนี้ วง Sonic Youth Mudhoney และ Dinosaur Jr. ก็ชื่นชม เนอร์วาน่า ด้วย ทำให้ค่ายเทปใหญ่ ๆ หันมาสนใจ เนอร์วาน่า ในช่วงฤดูร้อน เนอร์วาน่า ออกซิงเกิ้ล Sliver กับ Dive ซึ่งมีแดน ปีเตอร์สจากวง Mudhoneyมาเล่นกลองให้ ส่วนโปรดิวเซอร์คือ บุช วิค นอกจากจะบันทึกเสียง เพลงทั้งสองกับวิคแล้ว เนอร์วาน่ายังทำเดโมเทปอีก 6 เพลงกับวิคด้วย เดโมชุดนี้ ไปถึงมือค่ายยักษ์ซึ่งแย่งกัน เซ็นสัญญากับ เนอร์วาน่า[แก้] Nevermindปลายฤดูร้อน เดฟ โกรลห์ อดีตสมาชิกวง Scream วงแนวฮาร์ดคอร์จากวอชิงตันดีซี ก็เข้ามาเป็นมือกลองของ เนอร์วาน่า หลังจากนั้นก็เซ็นสัญญากับค่ายดีจีซีด้วยค่าตัว 287,000 เหรียญ เนอร์วาน่า บันทึกเสียงอัลบั้มที่ 2 กับวิค จนเสร็จในฤดูร้อนปีนั้นเอง ช่วงปลายฤดูร้อน หลังจาก เนอร์วาน่า ออกทัวร์คอนเสิร์ตกับ Sonic Youth พวกเขา ออกอัลบั้มชุดที่ 2 ในเดือนกันยายน ชื่อ Nevermind หลังออกอัลบั้ม เนอร์วาน่า ก็ออกทัวร์คอนเสิร์ตในสหรัฐอเมริกาทันที ค่ายดีจีซี ต้นสังกัดของ เนอร์วาน่า ตั้งเป้าว่า Nevermind จะขายได้ประมาณ 100,000 ชุด แต่ปรากฏว่า Nevermind ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว และขายชุดแรกจำนวน 50,000 แผ่นได้ในเวลาไม่นาน จนขาดตลาดทั่วอเมริกาเพลงที่ช่วยให้อัลบั้มนี้ประสบความสำเร็จคือ Smells Like Teen Spirit เพลงร็อก 4 คอร์ดที่มีการนำ มิวสิก วีดิโอ ออกกระหน่ำฉายทางเอ็มทีวี ต้นปี 1992 เพลง Smells Like Teen Spirit ก็ขึ้นถึงท็อป 10 ในอเมริกา และ Nevermind ก็ทำให้อัลบั้ม Dangerous ที่สร้างชื่อให้ ไมเคิล แจ็คสัน อีกครั้ง ต้องตกจากอันดับที่ 1 นอกจากนี้ Nevermind ยังติดท็อป 10 ที่อังกฤษหลังจากนั้นไม่นานด้วย ในเดือนกุมภาพันธ์ Nevermind ก็ได้แผ่นเสียงทองคำขาวถึงสามแผ่น ความสำเร็จของ เนอร์วาน่า เป็นเรื่องน่าประหลาดใจในวงการเพลง พวกเขาเองก็แปลกใจเช่นกันเนื่องจากปัญหาส่วนตัวของ เคิร์ท โคเบน ตกเป็นข่าวไปทั่ว เนอร์วาน่า จึงบันทึกเสียงอัลบั้มต่อจาก Nevermind ไม่ได้จนกระทั่งฤดูใบไม้ผลิปี 1993 ในช่วงที่หยุดไป ดีจีซี ได้ออกอัลบั้มรวมเพลงของ เนอร์วาน่า ชื่อว่า Incesticide ในช่วงปลายปี 1992 อัลบั้มนี้ ขึ้นถึงอันดับ 39 ในอเมริกา และอันดับ 14 ในอังกฤษ ผลงานอีกชิ้นที่ออกมาก่อนออกอัลบั้มที่ 3 คือซิงเกิ้ลที่ เนอร์วาน่า ร่วมทำกับวง The Jesus Lizard ที่ชื่อ Oh, The Guilt โดยซิงเกิ้ลนี้ มีค่าย ทัชแอนด์โก เป็นต้นสังกัด ในอัลบั้มที่ 3 เนอร์วาน่า เลือกสตีฟ อัลบินี่ โปรดิวเซอร์ที่เคยทำงานกับ Pixies BreedersBig Black และจJesus Lizard มาเป็นโปรดิวเซอร์[แก้] In Uteroอัลบั้ม In Utero ซึ่งเป็นอัลบั้มที่ 3 ของ เนอร์วาน่า ออกมาในฤดูใบไม้ผลิ 1993 หลังทำอัลบั้มนี้เสร็จ เนอร์วาน่า ก็ตกเป็นข่าวอื้อฉาวอีกครั้ง เคิร์ทเสพย์เฮโรอีนเกินขนาด ในวันที่ 2 พฤษภาคม แต่ข่าวนี้ถูกปิดไว้ เดือนต่อมา คอร์ทนีย์เรียกตำรวจไปที่บ้านในซีแอ็ทเทิ่ล หลังจากเคิร์ท ขังตัวเองอยู่ในห้องน้ำ และขู่จะฆ่าตัวตาย ก่อนออกอัลบั้ม In Utero เคิร์ทเคยเสพย์ยาเกินขนาดมาแล้วครั้งหนึ่ง ใน งานสัมมนาดนตรีแนวใหม่ที่ห้องโรสแลนด์บอลรูมในนิวยอร์ก ในเดือนกรกฎาคม ช่วงนั้นเอง เริ่มมีข่าวในนิวสวีค และสื่ออื่น ๆ ว่าดีจีซีไม่พอใจอัลบั้มใหม่ ทั้งยังกล่าวหา เนอร์วาน่า ว่าตั้งใจออกอัลบั้ม ไม่ให้ประสบความสำเร็จเชิงพาณิชย์ ทางวง และต้นสังกัดปฏิเสธข่าวดังกล่าวแต่ต่อมา เนอร์วาน่า ตัดสินใจปลด สตีฟ อัลบินี่ เพราะเห็นว่า ผลงานของสตีฟเรียบเกินไป และดึง สก็อต ลิทท์ โปรดิวเซอร์ของ R.E.M.มาปรับปรุงเพลง In Utero ออกวางจำหน่ายในเดือนกุมภาพันธ์ 1993 และได้รับคำชมจากนักวิจารณ์ ทั้งยังทำยอดขายช่วงแรกได้ดี ทำให้เข้าอันดับเป็นอันดับ 1 ทั้งในอังกฤษ และอเมริกา เนอร์วาน่า ออกคอนเสิร์ตในอเมริกา เพื่อโปรโมตอัลบั้มชุดนี้ โดยได้จ้าง แพ็ท สเมียร์ อดีตมือกีต้าร์วง Germs มาช่วยเล่นกีต้าร์เสริม แม้ตัวอัลบั้ม กับการแสดงคอนเสิร์ต จะประสบความสำเร็จ แต่ยอดขายกลับไม่สูงอย่างที่คาดไว้ การแสดงสดหลายครั้งขายบัตรได้ไม่มาก ต้องรอจนถึงสัปดาห์ที่มีการแสดง จึงขายหมด ด้วยเหตุนี้ เนอร์วาน่า จึงยอมรับปากเล่นคอนเสิร์ตแบบอะคูสติกที่ชื่อ Unplugged ของเอ็มทีวีตอนปลายปี[แก้] การตายของเคิร์ท โคเบนหลังจากคอนเสิร์ตของเอ็มทีวีครั้งนี้ ออกอากาศในเดือนธันวาคม ยอดขาย In Utero ก็สูงขึ้น หลังจบการทัวร์คอนเสิร์ตในอเมริกา เมื่อวันที่ 8 มกราคม 1994 ที่เซ็นเตอร์ อารีน่าในซีแอ็ทเทิ่ล เนอร์วาน่า ก็เริ่มทัวร์คอนเสิร์ตในยุโรปในเดือน กุมภาพันธ์ หลังจากแสดงคอนเสิร์ตในมิวนิควันที่ 29 กุมภาพันธ์ เคิร์ทก็อยู่ที่กรุงโรมกับคอร์ทนีย์ต่อ เพื่อพักผ่อน วันที่ 4 มีนาคม เมื่อคอร์ทนีย์ตื่นมาก็พบว่า เคิร์ทพยายามฆ่าตัวตาย โดยทานยาโรฟีนอล ซึ่งเป็นยานอนหลับพร้อมกับแชมเปญ แม้ข่าวจะออกมาว่า เคิร์ทไม่ได้ตั้งใจฆ่าตัวตาย แต่สมาชิกวง เนอร์วาน่า ทราบดีว่า เคิร์ททิ้งจดหมายลาตายไว้หลังอยู่โรงพยาบาล 1 สัปดาห์ เคิร์ทก็กลับซีแอ็ทเทิ่ล สุขภาพจิตของเขาเริ่มแย่ลงเรื่อย ๆ ในวันที่ 18 มีนาคม ตำรวจต้องกล่อมให้เคิร์ท เลิกคิดฆ่าตัวตายอีกครั้ง โดยครั้งนี้เขาขังตัวเองไว้ในห้อง และขู่จะฆ่าตัวตาย คอร์ทนีย์ กับผู้จัดการวง เนอร์วาน่า จัดการให้เคิร์ท เข้ารับการบำบัดที่ศูนย์บำบัดเอ็กโซดัส ในลอสแอนเจลิส เมื่อวันที่ 30 มีนาคม แต่เคิร์ทก็หนีออกมาได้ในวันที่ 1 เมษายน แล้วกลับไปซีแอ็ทเทิ่ล มารดาของเคิร์ท แจ้งความว่าเคิร์ทหายไปในวันที่ 4 เมษายน ในวันที่ 5 เคิร์ทก็ยิงศีรษะตนเองที่บ้านในซีแอ็ทเทิ่ล แต่ยังไม่มีใครพบศพ จนกระทั่งวันที่ 8 เมษายน เมื่อช่างไฟที่ไปติดตั้งระบบสัญญาณเตือน ที่บ้านของเคิร์ท ไปสะดุดร่าง ของเขาเข้าหลังเสียชีวิต เคิร์ท โคเบน กลายเป็นเสมือนกระบอกเสียง ของคนรุ่นเจนเนอเรชั่น เอกซ์ ทันที ทั้งยังกลายเป็น สัญลักษณ์ของความทรมาน และความกดดัน ของคนรุ่นนี้ด้วย[แก้] หลังการตายของเคิร์ทคริส โนโวเซลิก กับเดฟ โกรลห์ วางแผนจะออกอัลบั้มซีดีแผ่นคู่ รวมการแสดงสดในช่วงปลายปี 1994 แต่การเลือกเพลงจากเทป ทำให้ทั้งสองเจ็บปวดมาก ดังนั้นจึงมีการนำเพลงในรายการ MTV Unplugged in New York มาออกแทน อัลบั้มนี้เป็นอันดับ 1 ตั้งแต่เข้าอันดับ ทั้งในอังกฤษและอเมริกา ในปี 1996 ก็มีการออกอัลบั้ม From The Muddy Banks Of The Wishkah ซึ่งขึ้นอันดับ 1 ในอเมริกา ในสัปดาห์แรกที่เข้าอันดับหลังจากเคิร์ท โคเบนเสียชีวิต เดฟ โกรลห์ก็ตั้งวงThe Foo Fighters ซึ่งออกอัลบั้มชุดแรกในฤดูร้อนปี 1995 ส่วนคริส โนโวเซลิกก็ตั้งวง Sweet 75 และออกอัลบั้มแรก ในฤดูใบไม้ผลิ ปี 1997 และตอนนี้ ฟอร์มวงที่มีชื่อว่า Eyes Adrift[แก้] แนวเพลงแม้เพลงของ เนอร์วาน่า น่าจะฟังดูคล้ายส่วนผสม ระหว่าง เพลงของ Black Sabbath กับ Cheap Trick แต่เพลงของ เนอร์วาน่า เป็นอินดี้ร็อกขนานแท้ เนอร์วาน่า นำเพลงของ Vaselines มาร้อง และยังปลุกกระแส นิวเวฟด้วย เคิร์ท โคเบน หัวหน้าวง เนอร์วาน่า ผลักดัน วงดนตรีที่เขาชื่นชอบอย่างไม่ลดละ ไม่ว่าจะเป็นวงดนตรี แนวอาร์ตพังค์อย่าง Raincoats หรือวงแนวฮาร์ดคอร์ อย่าง The Meat Puppets จนดูเหมือนว่า เพลงในดวงใจของเคิร์ท สำคัญกว่าเพลงของตัวเขาเอง เนื่องจาก เนอร์วาน่า มีพื้นฐานจากแนวอินดี้ แต่ชอบเพลงป็อป แนวเพลงของวง ที่ออกมาระหว่าง การเดินทางไปสู่ความสำเร็จ จึงแปรผันไปตามเวลา จนกระทั่ง เนอร์วาน่า กลายเป็นวงแอนตี้ร็อก ที่อื้อฉาวที่สุดวงหนึ่ง ในประวัติศาสตร์วงการเพลง[แก้] ภาพลักษณ์ช่วงที่ออกอัลบั้ม Nevermind เนอร์วาน่า มักยั่วยุกลุ่มแฟนเพลง เช่น เมื่อ เคิร์ท โคเบน ไปออกรายการ Headbanger's Ball ของเอ็มทีวี โดยแต่งตัวเป็นผู้หญิง นอกจากนี้ สมาชิกวงยังล้อเลียนรายการ Top Of The Pops ของสถานีโทรทัศน์บีบีซีด้วย โดยคริส โนโวเซลิก โยนเบสขึ้นลงตลอดเวลา และเคิร์ทก็ร้องเพลงแบบ เอียน เคอร์ทิส เวลาแสดงสด การทำลายเครื่องดนตรีของ เนอร์วาน่า ก็มีให้เห็นกันประจำ ภาพเช่นนั้น กลายเป็นภาพติดตาเมื่อ เนอร์วาน่า ทำลายเครื่องดนตรี ในรายการ Saturday Night Live แล้วลงเอยด้วยการที่ คริส โนโวเซลิก กับ เดฟ โกรลห์ จูบกัน
by วิกิพีเดีย

วันศุกร์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2552

Musicwoodstock Part Friend Music

เตือนเพื่อนนักดนตรีด่วน ร้านชื่อเมืองหลวงของประเทศไทย ด่านนอก สงขลา
สิ่งที่นำมาเตือนนี้เป็นความจริงทุกประการผมเป็นนักดนตรีคนหนึ่งเล่นเบส ตอนแรกเล่นอยู่ที่ประเทศพม่าอยู่ดีๆร้านดันถูกปิดก็เลยมีเจ้าของร้าน ร้านที่ชื่อสวัสดีเมืองหลวงของประเทศไทย ติดต่อเข้ามาให้ไปเล่น ที่ด่านนอกตอนแรกตกลงสัญญา ที่1ปี รายละเอียดของสัญญามีดังนี้ (หัวหน้าวงเป็นคนรับงานทั้งหมด)ค่าตัว 17,000/เดือน ที่พักฟรีสำหรับนักดนตรีห้องละ1คน รับแอดวานซ์ 40% ปรับเงินทุก 3 เดือน*** แต่พอไปเริ่มงานประมาณวิคหนึ่งผ่านไป มันดังไม่เป็นไปตามสัญญาเจ้าของร้านกำหนดให้ตอกบัตร 19.45น.พอวงลงก็ยังกลับบ้านไม่ได้ถ้ากลับจะถูกหัก 2,000บ. และบังคับให้นักดนตรีต้องนักdrinkกับแขกเจ้าของร้านอ้างว่าต้องทำเงินเข้าร้าน และยังบังคับให้ไปเต้นกับแขกอีก สงสัยจะอยากให้เราขายตัว และจะหักค่าเช่าห้องอีก 1,000บ. และยังบังคับให้พักห้องละ 4คน/ห้อง อัดกันเหมือนปลากระป๋องกลายเป็นเงินเดือนเหลือที่14,000บ./เดือน และยังบังคับให้เราต้องกินเบียรที่แขกสั่งมาเพื่อจะได้กินเบียร์ของแขกหมดเร็วๆจะให้ได้กำไรเข้าร้าน ถ้าใครไม่ปฏิบัติตามเข่าจะหาว่าไม่ให้ความร่วมมือกับร้านพอตอนหลังหมดความอดทนก็เลยจะลาออกดีๆ กะว่าจะหาคนมาแทนตามระเบียบกะให้มือเบสนั้นเล่นได้และค่อยออกเพื่อช่วยร้าน (เกิดเป็นคนดีอีก ตู)แต่มันไม่เป็นอย่างนั้น เพราะเราถูกมือกลองที่เป็นหัวหน้าวงเราแท่งข้างหลังเรา โดยเข้าแจ้งเจ้าของร้านว่าถ้าขาดมือเบสไม่เป็นไรสมารถเปิดซาว์ดเบสได้โดยไม่ต้องหาคนแทน ทำให้เรากะเด็นออกเลยโดยยังไม่ได้หางานรองรับเลยจะลาออกดีๆ กะว่าจะหาคนมาแทนตามระเบียบกะให้มือเบสนั้นเล่นได้และค่อยออกเพื่อช่วยร้านกับโดนตะหลบหลังเซ้งเลยครับเพื่อนๆผมก็เลยมาเตือนเพื่อนนักดนตรีว่าอย่าไปเล่นร้านนี้เลยหรือหลงเชื่อมิจฉาชีพเหล่านี้ เพราะตอนนี้เข่ากำลังหานักดนตรีจำนวนมากเพราะมีคนออกกันไปเยอะแล้ว

วันพุธที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2552

Musicwoodstock Part Secret

วิธีปิดบัญชีธนาคารอันชาญฉลาดที่ถูกปกปิดมานาน << Safe Stamp from Scanmail
ที่มาบอกเนี่ยเพราะเป็นวิธีที่ธนาคารปกปิดมาตลอด เคยมีหนังสือพิมพ์ออกมาขายแต่ธนาคารสั่งเก็บหมด โปรด..อ่าน..ช้า ช้า.......
หากคิดต้องการถอนเงิน โดยจะไม่ใช้บัญชีนี้อีกต่อไปแล้ว....
..ห้ามเบิกเงินแค่ที่มีในบัญชี ให้ใช้วิธี.... ไม่กรอกตัวเลข ... แต่..เขียน.. ปิดบัญชี เพียงเท่านี้..ธนาคารต้องจ่ายดอกเบี้ยคุณ 6 เดือน
วิธีนี้..เป็นวิธีที่ธนาคารไม่พยายามบอกคนฝากเงิน เพราะธนาคารมันเสียเปรียบ...
แต่ต้องเป็นกรณีที่เป็นบัญชีออมทรัพย์นะ ถ้าเป็นบัญชี ฝากประจำเราจะไม่ได้ดอก เพราะถือว่าฝากไม่ครบตามกำหนด แต่ถ้าบัญชีเงินฝากแบบออมทรัพย์ หรือที่เรียกว่า savings (สะสมทรัพย์) ธนาคาร จะคิดดอกให้ทุวันตามยอดเงินที่มี...เข้าๆออก ครบ6 เดือนทีหนึ่งก็จะมีดอกเข้ามาให้ ดังนั้นถ้าใครปิดบัญชี เขาก็ต้องคิดดอกมาให้ด้วย ส่วนมากประชาชนจะไม่รู้ ก็จะถอนแค่จำนวนเงินที่มีในบัญชี แล้วก็ทิ้งสมุดไว้..ตรงนี้แหละที่ธนาคารได้กำไร เพราะสมุดนั้นพอทิ้งไว้นานเกินก็จะปิดไปเอง และเดี๋ยวนี้ธนาคารส่วนมากจะกำหนดให้ บัญชีต้องมีเงินเหลือติดอยู่ อย่างน้อยๆ 500 บาท หากขาดการเคลื่อนไหวนานเกิน 3-6 เดือน ก็จะเริ่มหักค่ารักษาบัญชี รายละประมาณ 50 บาทหรือไงเนี่ยแหละ
ที่บอกนี่เป็นผลประโยชน์ของผู้บริโภคน่ะ แต่ส่วนมากมักจะไม่ชอบไปธนาคาร ถอนทางเอทีเอ็ม แล้วก็คิดว่าที่เหลือแค่เศษสตางค์ช่างมัน.. พอเราขาดการติดต่อธนาคาร เขาก็หักค่ารักษาบัญชี เงินไม่พอเขาก็ปิด บช เองตามกฎ

วันเสาร์ที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2552

Musicwoodstock Part Blacklist

ร้านที่โดนขึ้นแบล็คลิสต์ ว่าไม่ควรไปออดิชั่น
ต่อมาก็เป็นร้านที่โดนขึ้นแบล็คลิสต์ ว่าไม่ควรไปออดิชั่น ไม่ควรไปเล่นแทน ไม่ควรไปเหยียบย่างใดๆทั้งสิ้น ซึ่งข้อมูลทั้งหมดมาจากนักดนตรีด้วยกัน ทั้งที่เคยเล่นประจำอยู่ที่ร้าน และที่เคยไปออดิชั่น ซึ่งกว่าที่นุ้ยจะกล้าเอามาโพสต์ลงในกระทู้นี้ นุ้ยได้หาข้อมูลมาจากหลายๆแหล่งข่าว และรวมถึงได้เคยไปแทนด้วยตัวเองมาแล้ว จึงกล้าบอกได้ว่า หากนักดนตรีท่านใดที่ได้รับการติดต่อให้ไปเล่นแทน หรือ ออดิชั่นไม่สมควรไปอย่างเด็ดขาด หากท่านไม่ต้องการถูกเอาเปรียบ เพราะร้านพวกนี้ มักได้ใจคิดว่า ถ้ามีตังค์จ้าง ก็จ้างนักดนตรีได้ตลอด จึงไม่จำเป็นต้องปฎิบัติกับเราดีๆ เพราะเราไม่สำคัญอะไร เล่นได้ก็เล่นไป เล่นไม่ไหวก็ไป ก็หาจ้างเอาใหม่ได้ (ป.ล.นุ้ยไม่มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรกับร้านทั้งหมดที่อ้างอิงถึง ทั้งสิ้น เพียงแค่อยากเล่าสู่กันฟัง และหากนักดนตรีท่านใดที่เข้ามาอ่านแล้วไม่เห็นด้วย หรือเป็นนักดนตรีที่เล่นประจำอยู่ในร้านที่นุ้ยพาดพิงถึง ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ ด้วยนะคะ ท่านอาจจะขัดแย้งว่า ร้านดังกล่าวปฎิบัติกับท่านดี ไม่เห็นมีอะไร แต่ขณะเดียวกันนักดนตรีท่านอื่นๆ ที่เคยได้เข้าไป อาจจะเจอเรื่องไม่ดีมา อันนี้นานาจิตตัง นุ้ยเอามาบอกเล่ากันอย่างตรงไปตรงมา ว่าใครเจออะไรยังไงมาบ้าง ซึ่งหากท่านใดที่ได้ไปสัมผัสด้วยตัวเองมาแล้ว ไม่เป็นอย่างที่ได้บอก ก็รบกวนบอกกล่าวผ่านกระทู้นี้ด้วยนะคะ ซึ่งความรับผิดชอบทั้งหมด นุ้ยเองขอรับไว้แต่เพียงผู้เดียว)
1.ร้าน halem - เกษตร นวมินทร์- ผู้จัดการ เด็กเสริฟ ส่วนใหญ่ ไม่มีมารยาท ไม่ให้เกียรติ พูดจาไม่ดี - ไม่ดูแลนักดนตรีใดๆทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องน้ำ เรื่องเซ็ทเครื่อง และอื่นๆ- เครื่องเสียงดี บรรยากาศดี แต่ไม่ค่อยมีลูกค้า- ที่ร้านเปิดโซนมีโคโยตี้และเด็กดริงก์ เวทีเล่นสดในสวนอาหารจึงไม่ได้รับความสนใจ- กดราคานักดนตรีสุดชีวิต**ยังต้องการนักดนตรีโฟล์ค 1-2 คน เพิ่ม
2.--ร้าน EROS (ZOOM ZOOM)--ร้าน แจ๊ส มาฮาล (วิภาวดี)----ร้านกระฉ่อน(ศาลายา)----มุงดู (เกษตรนวมินทร์)—--x bar (ทาวน์อินทาวน์)-โปโลเก่า (แบนเบอร์ 089-142-4140)—--พิกโกโล่ (เลียบทางด่วน)----ป.กุ้งเผา(กัลปพฤกษ์)----ร้านบานาน่า (นครพนม)—twenty pub (จ.ราชบุรี)----สวัสดีกรุงเทพ (ด่านนอก)—--hi beat/โคล่า (เทพารักษ์)----เวนิสผับ(จ.นครศรีธรรมราช)----The punch (นราธิวาส )----Heaven dance club (มาเลเซีย)----สเลเกอร์ (ถนนกาจนาภิเษก)—--บูลยีนส์ (ดอนเมือง)—--immortal bar(ถนนข้าวสาร)---
กลุ่มนี้เป็นปัญหาเรื่องโกงค่าตัวนักดนตรี ซึ่งตกลงว่าจะจ่ายเป็นรายวีค รายเดือน แล้วไม่ยอมจ่าย แล้วก็เรื่องกดราคา
3.ร้านไม้โท (ย่านสะพานแขวนพระราม 3)ซูซี่ (ข้าวสาร)Gazebo (สุขุมวิท)brigde 5 (พระราม5)บาหลี 3 (ถนนศรีนครินทร์)raz bar (ทองหล่อ)-

กลุ่มนี้เป็นปัญหาเรื่องจัดคิวชนกัน และหลอกให้ไปออเต็มเวลา โดยที่จะนัดออไปเรื่อยๆ ไม่จ้างประจำ
4.ร้าน forum (รัชโยธิน)ร้านครัวกลางน้ำ (ราชพฤกษ์)- กลุ่มนี้เป็นเรื่องไล่นักดนตรีออกโดยไร้สาเหตุ ติโน่นตินี่ อาจเพราะมีวงใหม่ที่ค่าตัวถูกกว่าร้านทั้งหมดดังที่กล่าวมา ได้รับการยืนยันจากนักดนตรีที่ประสบพบเจอมาเอง ไม่ต่ำกว่า 5 รายต่อร้านไม่ใช่เพียงความเห็นของคนๆเดียว ได้โปรดพิจารณาและใช้วิจารณญาณเลือกสรรกันเอง นุ้ยเพียงแค่ต้องการบอกต่อกัน เพื่อเป็นประโยชน์ในการตัดสินใจรับงาน และต้องการให้พวกเรารวมกลุ่มและต่อสู้(เริ่มจะหัวรุนแรงละ 555+) ยังไงร้านไหนดี ก็ยินดีสนับสนุนและบอกต่องานกันเหมือนเดิมค่าา ขอให้นักดนตรีทุกท่านงานเยอะๆๆ เจอร้านดีๆๆ

วันพุธที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2552

Musicwoodstock Part Notice


เตือนเพื่อนๆนักดนตรีทุกคนที่จะมาทำงานที่ สิงค์โปร์ ต้องอ่าน

ขอเตือน ไม่ว่าคุณจะเชื่อหรือไม่ก็ตามแต่นี่คือความหวังดีขณะนี้เราติดอยู่ที่สิงค์โปร หลังจากโพสต์ข้อความนี้แล้วเราจะเป็นยังก็ยังไม่รู้ อาจต้องติดคุกอยู่ที่นี่เพราะถูก แบลกเมลถ้าคุณจะมาทำงานที่นี่ ร้านที่ไม่ควรมาเลยก็คือ คลับ ดี โอเอซิสหุ้นส่วนใหญ่ชื่อ วิกกี้ เกิดมาทั้งชีวิตไม่เคยเจอใครเลวแบบนี้มาก่อนแรกๆก็ทำเป็นดูแลดี แล้วก็ทวงบุญคุณทีหลัง แอดว้านก็ให้ไม่ครบใบอณุญาตทำงานไม่มี ทั้งที่เราทำงานมาเป็นอาทิตย์แล้วงี่เง่า หาเรื่องทะเลาะได้ทุกวัน เอะอะตัดเงิน ไม่เคยทำร้านแต่อยากทำ ไม่รู้เรื่องอะไร แต่ก็ไม่เคยฟังคนอื่น ทุกครั้งที่เกิดเรื่องมันจะโทษคนอื่นตลอด ก้าวก่ายนอกเวลางาน เปลี่ยนแปลงกำหนดการหลายอย่างแต่ไม่เคยบอกล่วงหน้า ไร้สัจจะ ทวงแอ้ดว้าน ก็บอกว่าวันนั้นวันนี้จะให้แล้วก็หาย หลายอย่างมากๆจนบรรยายไม่หมด ตอนนี้ทุกคนที่วงอยากกลับมากๆ แต่ทำไม่ได้ เพราะถ้าคุณจะกลับก่อนคุณต้องจ่ายเงินมัน 2700 ดอลล่า เป็นเงินไทยประมาณ 70000 บาท เหมือนที่ชั้นโดนอยู่ในตอนนี้ ทั้งที่ไม่มีสัญญาไม่มีอะไรเลยแต่เราต้องจ่าย เราจะไปเอาที่ไหนมาให้มัน มันเลยให้ข้อเสนอเรามา 4 ข้อ

1 จ่ายเงินมันภายในวันนี้ แล้วมันจะส่งเรากลับอย่างปลอดภัย

2 ส่งเราให้ตำรวจ ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่ามันจะยัดข้อหาอะไรให้เราบ้าง

3 เอาคนมาทำร้ายร่างกายเรา เป็นยากูซ่า

4 ฉีกพาสปอตเราทิ้ง แล้วลอยแพเราที่สิงคโปร์เรื่องมันเกิดเพราะเราต้องการกลับก่อน หกเดือน แต่เราบอกมันแล้วว่าเราจะอยู่แค่เดือนเดียว แต่มันทำเป็นว่าเราไม่ได้บอก ก็เลยมีเรื่องแล้วตอนนี้มันทำทุกอย่างให้เราเป็นหมาจนตรอกและขอบอกคนที่นี่ดูถูกคนไทยมากๆ มาที่นี่คุณคือขี้ข้า ห้ามมีศักด์ศรีตอนนี้เราคิดว่าเราจะเลือกข้อ 4 เพราะเราไม่มีเงินไปจ่ายมัน ส่งตำรวจก็กลัวโดนยัดข้อหา เอาคนมาซ้อม เป็นคุณ คุณยอมมั๊ย ฉีกพาสปอต เราจะไปสถาณกงสุลไทย เผื่อว่าจะมีใครช่วยเราได้บ้างแต่ก็ยังไม่เห็นอนาคต เพราะอยู่ที่นี่ไม่ใช่บ้านเราไม่มีใครสามารถช่วยคุณได้ จงคิดให้ดีๆ ก่อนจะมาขุดทองที่นี่ คุณต้องเสี่ยงดวงเอาร้านดีๆก็มี แต่ถ้าโชคร้ายเจอแบบเราก็ต้องรับกรรมละนะ มีเรื่องราวอีกมามายที่เราอยากให้คุณรู้แต่ด้วยจิตใจเราตอนนี้ คำพูดมันจุกอยู่ในอก เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะมีคนโพศข้อความของเราต่อไปเรื่อยๆให้มากที่สุด เพื่อช่วยเหลือคนไทยด้วย จะได้ไม่ต้องโชคร้ายแบบเราอีก เราไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องโกหก เพราะไม่ได้มีส่วนได้เสียอะไร เพราะหลังจากจบข้อความนี้เรายังไม่รู้เลยว่าชีวิตเราจะเป็นยัง อาจต้องติดคุกอยู่ที่นี่ก็ได้